,

Coffee : Discover the Journey

กว่าจะมาเป็นกาแฟที่เราชงดื่มกันทุกวันนี้ เมล็ดกาแฟเคยเป็นผลไม้มาก่อน ^_^


จาก ผลเชอร์รีกาแฟ…หากแปรรูปด้วยวิธีการดั้งเดิมที่สุดคือแบบ Natural หรือ Dry process  ผลเชอร์รีที่สุกหวานได้ที่แล้วจะถูกนำไปตากแดดทันที ก่อนจะนำมาสีทั้งเปลือก เนื้อ และกะลาในทีเดียว จนได้เป็นกาแฟสาร หรือ Green Coffee

แต่หากแปรรูปด้วยวิธีที่มีการหมัก (ferment) ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย การเดินทางของกาแฟก็จะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมากมายทีดียว

C_journey3

เริ่มต้นจาก ‘ผลเชอร์รีกาแฟสุก’ นำไปกะเทาะเปลือกและเนื้อออก เราจะได้  ‘กาแฟกะลาที่ยังมีเมือก’…ซึ่งมีความหวานติดอยู่ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการหมัก ซึ่งทำได้ทั้งการหมักแบบใช้น้ำ (wet fermentation) หรือแบบไม่ใช้น้ำ (dry fermentation) โดยแต่ละแบบก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน

ระหว่างการหมัก เมือกที่ยังคงติดอยู่จะค่อยๆ หลุดออกจากกะลา…ซึ่งเราก็จะนำมาล้างอีกที ได้เป็น ‘กะลาเปียก’ ก่อนนำไปตากจนได้ ‘กาแฟกะลา’ ที่แห้งแล้วในที่สุด

ในขั้นตอนการผลิตกาแฟ หากใครคิดจะเก็บกาแฟไว้ให้ได้นานๆ โดยสูญเสียรสชาติและความสดใหม่น้อยที่สุด ก็ควรเก็บรักษาในรูปของกาแฟกะลาแห้งนี้ เพราะเมื่อสีเอากะลาหรือเปลือกที่ห่อหุ้มเมล็ดกาแฟออกแล้ว ก็เท่ากับนับถอยหลังอายุของกาแฟแบบติดสปีดกันลยทีเดียว

จากกาแฟกะลา เราก็นำไปสีเอากะลาออก ได้เป็น ‘กาแฟสาร’ (Green Coffee)  ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ขอให้นึกถึงข้าวเปลือกกับข้าวสาร ที่เราต้องสีเอาเปลือกออกก่อนจึงจะนำข้าวสารมาหุงกินได้ กาแฟก็เช่นกัน ^_^

จาก ‘กาแฟสาร’ ก็ถึงคิวของ Roasters ทั้งหลายได้โชว์ฝีมือการ ‘คั่วกาแฟ’ ว่าจะคั่วให้อ่อน กลาง หรือเข้มในระดับไหน เพื่อให้กาแฟแสดงรสชาติอย่างที่ถูกใจคนคั่ว ได้ใจคนชง และถูกปากผู้ดื่มค่ะ



ติดตามเรื่องราวของกาแฟได้ที่

Coffee Education Fanpage

web1