,

KNOW YOUR COFFEE | รู้จักกาแฟของคุณ

ลองนึกดูว่ามันจะสนุกแค่ไหน หากระหว่างการดื่มกาแฟแต่ละแก้ว คุณสามารถบรรยายรสชาติของกาแฟได้มากกว่า  “ขมนะ”  “เข้มข้นดี”  หรือ “หอมจัง”  …

facebook-cover_2   

การเพลิดเพลินกับกาแฟสักแก้ว ก็ไม่ต่างกับการจิบไวน์ที่ชวนลุ่มหลง กาแฟมีเสน่ห์ตรงที่รสชาติซับซ้อน มีกลิ่นหลากหลาย และให้รสสัมผัสไม่ซ้ำซากจำเจ  ซึ่งเราจะใช้สนุกกับการดื่มกาแฟได้มากขึ้น ถ้าเราค้นหา ‘สิ่งเหล่านี้’ ที่ซ่อนอยู่ในกาแฟแต่ละแก้ว



– TASTE –

เทียบกับภาษาไทย Taste ก็หมายถึง ‘รส’  ซึ่งรับได้จากการที่สิ่งต่างๆ เข้าปาก แล้วสัมผัสกับลิ้น สัมผัสกับต่อมรับรส ผลที่ได้รับอาจเป็นรสเปรี้ยว / หวาน / ขม / เค็ม / เฝื่อน ต่างๆไป

ในมุมของกาแฟ ถ้าจะค้นหา ‘รส’ ของกาแฟล่ะก็ ตอนที่จิบกาแฟให้ลองนึกถึงแต่รสที่เกิดขึ้นในช่องปาก  ว่ากาแฟของคุณมีรสอะไรบ้าง ขมเท่านั้น? หรือที่จริงแล้วมีความเปรี้ยวหวาน ที่เป็นรสดีๆ ของกาแฟแทรกอยู่ด้วยกันแน่…

Coffee-education

นอกจาก ‘รส’ สิ่งที่อยากให้สังเกตต่อไปคือ Mouthfeel พูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือจำแนกเนื้อสัมผัสของกาแฟที่อยู่ในช่องปาก ตลอดจนหลังจากดื่มผ่านลำคอของเราไปแล้ว ว่ามีความหนืด หรือใสเจือจาง (ในส่วนนี้จะเหมือนกับการอธิบาย body ของกาแฟ ) Mouthfeel อาจถูกอธิบายเปรียบเทียบกับเครื่องดื่มอื่นก็ได้เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น เทียบกับนมที่เเบ่งระดับตั้งแต่ นมขาดมันเนย – พร่องมันเนย – ไปจนถึงนมที่มีไขมันมากๆ หรือเข้มข้นเหมือนครีม ส่วน Mouthfeel ที่เจอบ่อยในการดื่มกาแฟคือ tea-like (เหมือนดื่มชา คือ ใส แต่หลงเหลือสารกาแฟเคลือบอยู่ในช่องปากและลำคอ)

ซึ่งหากคุณดื่มกาแฟ แล้วพบว่ากาแฟมี Taste ที่หลากหลายมากไปกว่ารสขม และมี Mouthfeel ที่คุณพอจะระบุได้ นั่นแปลว่าคุณค้นพบเสน่ห์อย่างนึงของกาแฟแล้ว

– AROMA –

Aroma คือ ‘กลิ่น’ ที่จะระเหยลอยอยู่ในอากาศ Aroma ของกาแฟแต่ละแก้ว สามารถทดสอบกันได้ในหลายจังหวะ จังหวะแรกคือหลังจากที่กาแฟถูกบดแล้วยังเป็นผงกาแฟแห้งๆอยู่ (dry fragrance) หากคุณไปร้านกาแฟ ลองนั่งใกล้ๆบาร์ สังเกตหลังจากที่บาริสต้าบดกาแฟเสร็จ จะมีกลิ่นอบอวลขึ้นมา ส่วนในจังหวะถัดไปคือ หลังจากที่กาแฟสัมผัสน้ำร้อนแล้ว (wet fragrance) กลิ่นที่ได้ก็จะชัดเจนขึ้นมาอีกเช่นกัน แต่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ต่างไปจากตอนแรก
– 

dry


สำหรับผู้ดื่มกาแฟทั่วไป ลองหาโอกาสสูดกลิ่นกาแฟของคุณจาก 2 จังหวะนี้ แล้วนึกดูว่ากลิ่นที่ได้รับชวนให้นึกถึงอะไรบ้าง เช่น ดอกไม้ หญ้าแห้ง กลิ่นควัน หรืออื่นๆ.. ซึ่งการจำแนกกลิ่นนี่แหละ ต้องอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ดื่มมากๆ เพราะคนที่เคยดมกลิ่นต่างๆมามาก ก็มีโอกาสที่จะจำแนกกลิ่นได้แม่นยำ หรือใกล้เคียงมากกว่า และในอีกมุมนึง ‘กลิ่น’ ก็เป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพมากในการกระตุ้นความทรงจำของผู้คนด้วย

pexels-photo-64775-large

– FLAVOUR –

คำว่า ‘รสชาติ’ อาจไม่เพียงพอในการนิยามคำว่า Flavour เพราะ flavour เป็นเหมือนบทสรุปจากการรวมกันของ ‘รส’ และ ‘กลิ่น’  โดยจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ซึ่ง flavour ก็มักจะถูกเทียบเข้ากับสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเรา… (ดูได้จาก Chart ด้านล่าง)

SCAA-FlavorWheel-newแปล

ภาพจาก www.coffeelearner.com


นึกภาพว่าถ้าคุณดื่มกาแฟที่มี flavour ของ ‘แอบเปิ้ลเขียว’ แต่คุณได้รับรสเปรี้ยวเพียงอย่างเดียว ไม่ได้กลิ่นใดๆ เพียงแค่รสเปรี้ยวคงไม่พอที่จะทำให้เอ่ยถึงแอปเปิ้ลเขียวได้ แต่หากคุณได้รับกลิ่นเข้าไปด้วย กลิ่นจะเป็นส่วนเติมเต็มที่ปะติดปะต่อ ดึงเอาความทรงจำของรสชาติที่เคยได้รับในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง ตรงนี้เองที่ จะเกิดการจำแนก flavour ออกมากมาย ว่าเป็น ‘ฝรั่ง’ ‘องุ่น’ ‘กล้วยตาก’ ‘ช็อคโกเเลต’ ‘ถั่ว’ อะไรอย่างนี้ขึ้นมา

แต่หากใครชิมกาแฟก็แล้ว รู้รสก็แล้ว ได้กลิ่นก็แล้ว ยังนึกภาพไม่ออกว่าเหมือนอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ flavour ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ตรงของเราอย่างมากกกกก~ถึงมากที่สุด เช่นถ้าเราชิมกาแฟที่มี flavour  ‘สกั๊งค์’  แต่ไม่เคยรู้จัก ‘ตัวสกั๊งค์’ เจอแบบนี้ต่อให้นึกจนปวดหัวก็คงจะนึกถึง สกั๊งค์ ไม่ออก!

ส่วนเรื่องการทดสอบฝึกฝนหา Taste / Aroma / Flavour กับกาแฟสักแก้ว ถ้าป็นผู้ดื่มสายชิลอย่างเราๆ อาจไม่ต้องซีเรียสว่าต้องซดเข้าปากแล้วบ้วนทิ้ง หรืออุดจมูกเพื่อหวังจะชิมรสอย่างเดียว… เราดื่มกาแฟได้ตามปกติ เพียงแต่โฟกัสไปในแต่ละ sip ของการดื่ม ลองนึกไปว่า

‘ก่อนดื่มจะขอสูดกลิ่นหา Aroma ก่อน’
‘แล้วขอหา Taste ในการจิบครั้งแรก’
‘แล้วขอจินตนการถึง flavour ต่อไปจนกว่าจะหมดแก้วเลยก็ได้!’

ด้วย Step ประมาณนี้ก็น่าจะทำให้เรา Enjoy Coffee มากขึ้นนะ!!

(แต่ถ้าใครสนใจเรื่องการทดสอบชิมกาแฟอย่างจริงจังที่เรียกว่า Cupping .. เราจะนำเรื่องราวมาฝากในโอกาสถัดไปนะคะ 😀  )


ติดตามเรื่องราวของกาแฟได้ที่

Coffee Education Fanpage

web1