Roast Date – Best Before
ห้วงเวลาจักรพรรดิ.. ช่วงเวลาสุกงอมของกาแฟคั่ว
–
ถ้าพูดถึงอาหาร ‘วันผลิต’ หรือ ‘วันหมดอายุ’ ของวัตถุดิบเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ หรือรีบนำวัตถุดิบนั้นออกมาปรุงซะก่อนจะเสียรสชาติไป กาแฟก็เช่นกัน… เมื่อหลังจากคั่วเสร็จแล้วจะมีห้วงระยะหนึ่งที่เป็น ‘The Best’ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลที่กาแฟคั่วจะให้รสชาติอร่อยที่สุด!
–
–
โดยทั่วไป ระยะที่ดีที่สุดของการนำเมล็ดกาแฟคั่วซึ่งบรรจุอยู่ในถุง one-way valve* มาชงดื่มคือ ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่คั่ว นั่นหมายความว่าเราควรมองหา “วันคั่ว (Roast date)” บนหีบห่อของกาแฟให้เจอ แล้วคำนวณดูว่ายังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีหรือเปล่า (หากไม่มีวันคั่วระบุบนหีบห่อ ลองสอบถามจากผู้จำหน่ายดูนะคะ)
–
–
แต่บางครั้งโรงคั่วบางแห่งจะระบุวันที่ไว้ชัดเจนบนหีบห่อเลยว่า กาแฟคั่ววันที่เท่าไหร่ และคงคุณภาพ ‘ดีเยี่ยม (Best) ’ ไว้ได้นานเท่าไหร่ เช่น กาแฟ Red Catuai จาก Gardelli Specialty Coffee ที่เรานำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ว่าคั่วในวันที่ 3 พ.ค. 2560 แต่กาแฟของเขาคงคุณภาพ ‘Best’ ได้ถึง 6 เดือนหลังคั่ว ซึ่งคาดว่าต้องเป็นในกรณีที่ยังไม่ได้เปิดถุงเลยนะคะ เพราะเมื่อเปิดถุงแล้ว กาแฟสัมผัสกับอากาศแล้ว กาแฟจะค่อยๆ สูญเสียรสชาติไปแต่จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับผิวสัมผัสของกาแฟด้วยว่าสัมผัสกับอากาศมากแค่ไหน และด้วยหลักการนี้ ถ้าแกะกาแฟเอาออกมาเตรียมวางไว้เฉยๆ โดนลม โดนอากาศ โดนความชื้น กาแฟจะสูญเสียรสชาติไปอย่างรวดเร็ว ควรนำมาชงดื่มภายใน 4-6 ชั่วโมง อย่าปล่อยทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืนนะคะ
–
–
แต่ถึงแม้จะมีทฤษฎีหรือหลักการอะไรก็ตามมาเป็นตัวช่วย แต่ขอให้เชื่อใน ‘จมูก’ ของเราอีกทาง เพราะจมูกจะบอกได้ดีที่สุดว่ากาแฟนั้นยังโอเคอยู่ไหม? ชงแล้วจะยังมีกลิ่นหอมอยู่หรือเปล่า กลิ่นกาแฟเปลี่ยนไปจนรับไม่ได้หรือเปล่า และถ้ากลิ่นเริ่มเปลี่ยน หรือคุณภาพเริ่มลดลงก็ยังไม่จำเป็นต้องเทกาแฟนั้นทิ้งเสมอไป เพราะบางคนอาจประยุกต์นำกาแฟนั้นไปชงโดยใช้ปริมาณกาแฟที่มากขึ้น เพื่อให้มีรสชาติของกาแฟเข้มข้นเพื่อนำไปทำขนมรสกาแฟต่างๆ ก็ได้ค่ะ
–
–
–
One-way valve* บรรจุภัณฑ์ที่มีรูวาล์ว ซึ่งยอมให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากในหีบห่อออกไปได้ แต่ไม่ให้อ็อกซิเจนเข้า เพื่อคงคุณภาพของกาแฟ
–
Reference : ขอบคุณข้อมูลจาก
– Nex Coffee
– eatbydate.com
–
–
ติดตามเรื่องราวของกาแฟได้ที่
—